เจาะลึก “ช้างศึก” จากภาพเกม “คิงส์คัพ” ถึงเวลาไปบอลโลกแล้วหรือยัง?


แน่นอนว่าแม้ผลการแข่งขันคิงส์คัพครั้งที่ 49 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เราไม่สามารถเรียกคืนแชมป์ได้และแชมป์ก็ตกเป็นของชาติจากตะวันออกกลางอย่างทีมชาติอิรักหลังจากดวลจุดโทษที่แม่นยำกว่า เอาชนะเราในเกมสุดท้าย

ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเป้าหมายแรกที่ทุกคนรู้เกี่ยวกับอนาคตของ มาโน โพลกิ้ง คือถ้าไม่สามารถพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์คิงส์คัพได้ โอกาสที่จะไปต่อไม่ได้ค่อนข้างสูง แต่ทำไม พลาดแชมป์แล้วยังสู้ต่อได้เหรอ? ผมได้ติดตามผลงานและการฝึกซ้อมของทีมชาติไทยอย่างใกล้ชิดมาจนถึงเชียงใหม่ ผมจะเล่ามุมมองของตัวเองให้ทุกคนฟัง รวมถึงทำไม ผมถึงคิดว่าทีมชาติไทยชุดหรือรุ่นนี้มีเวลาไปบอลโลก เหมือนกับที่ใครๆ ก็อยากดู ผมจะมาเล่ามุมมองของตัวเองให้ฟัง ไม่มีถูกหรือผิดและคุณสามารถเปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา

ก่อนอื่นแน่นอนว่าถึงแม้มโน โพลกิงจะทำ แต่ทีมชาติไทยของเราก็ไม่ได้แชมป์คิงส์คัพ ตามเป้าหมายเดียวที่ทุกคนตั้งไว้

แต่ผลงานการคุมทีมข้างสนาม การจัดวาง หรือรูปแบบ ชัดเจนว่าตนจริงจังและดูจริงจังกับรายการนี้มากบวกกับผลงาน 2 นัดในคิงส์คัพด้วย ด้วยการเอาชนะเลบานอนและเสมอกับอิรัก ก็ไม่เกิดความเสียหายแต่อย่างใด แถมยังสะสมคะแนน FIFA ได้อีกด้วย จากทีมอันดับสูงสุดและหากมองลึกลงไปอีก ส่วนสไตล์การเล่น ขอบอกเลยว่า เราไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเกมสุดท้าย ประตูที่เสียไปนั้นเกิดจากความผิดพลาด คนที่เป็นโค้ชก็คงไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเช่นกัน

และอย่าลืม เราสนุกกับการดวลกับทีมอันดับ 70 ของโลก และทีมชาติอิรักอันดับ 7 ของเอเชีย ไปบอลโลกที่เอเชียด้วย 8 ทีมครึ่ง เราก็เลยมีโอกาสอย่างที่มโนให้สัมภาษณ์ไว้ หลังจากสิ้นสุด ฉันไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้จัดการทีมหรือฉันจะจัดการต่อไปหรือไม่ แต่บอกนักเตะทุกคนให้มั่นใจว่าเราทำได้และมีโอกาสได้ไปแข่งขันฟุตบอลโลก ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ถ้าถามผมว่าผลงานส่วนตัวของ มโน ก็ไม่แย่ ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แถมยังแอบเห็นใจเขานิดหน่อยด้วย แน่นอนฉันติดตามเขามาตลอด หลังจากไปติดตามข่าวที่เชียงใหม่ สีหน้าของเขาค่อนข้างตึงเครียดและตึงเครียด เพราะแฟนบอลยังรู้ว่าทำไมอิชิอิถึงส่งมา ทำไมคนโค้ชอย่างมโนไม่รู้ และอยากจะพูดถึงผลงานของมโนเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย เฮดโค้ชทีมชาติไทย ที่มีดีกรีดี มาคุมทีมชาติไทย มีผลงานกี่คน และเขาจะคุมนักเตะได้กี่คน? แต่มโนก็ทำได้ เขาสามารถเอาชนะใจผู้เล่นทุกคนได้ไม่ว่าสไตล์การเล่นจะเป็นอย่างไร เขาอาจจะไม่ดีเท่าหลายๆ คน แต่เขาสามารถมอบหัวใจของผู้เล่นทุกคนและทำให้ทุกคนเล่นตามแผนที่เขาสั่งได้ ผมคิดว่ามโนผ่านการทดสอบแล้วและน่าจะมีโอกาสสู้ต่อไปจนกว่าสัญญาจะหมดไปรอดูกัน ไปต่อ ณ เวลานั้นเพื่อดูว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไรเนื่องจาก FIFA Day ที่ทำผลงานได้ไม่ดี และใครก็ตามที่ไม่ชอบมโนก็คงได้ลองด้วยตัวเองจริงๆ เพราะดู King’s Cup ที่ผ่านมา ชัดเจนว่ามโนเตรียมตัวมาเต็มที่และไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

มาถึงหัวข้อต่อไปว่าทำไมหลังคิงส์คัพจบผมคิดว่าถึงเวลาที่ทีมชาติไทยจะไปฟุตบอลโลก

ประการแรกทวีปเอเชียได้เพิ่มโควตาสำหรับฟุตบอลโลกเป็น 8 ทีม ทำให้เกิดโอกาสให้ประเทศอื่นที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลียซึ่งเกือบจะจองทุกปีได้มีโอกาส นี่คือจุดแรกที่ฉันดู

อย่างที่สอง นักเตะอยู่ในขั้นตอนที่ผมคิดว่าพร้อมที่สุด ไม่ใช่ยุคก่อนไม่พร้อมหรือไม่ดีเท่านี้ แต่มีปัจจัยแรกที่เกี่ยวข้องซึ่งก็คือการเพิ่มทีม เราพยายามมองจากหลังไปหน้าประตู เรามีหลากหลายให้เลือก และเราได้เห็นแล้วว่าเราสามารถเล่นเป็นกองหลังได้ทั้งซ้ายและขวา เรามีระดับสูงสุดในเอเชียและยุโรปที่เล่นด้วยกันในทีมชาติชุดนี้ มันทำให้แฟนฟุตบอลมีความอุ่นใจและไว้วางใจ ถ้าไม่ไปตอนนี้ อนาคตไม่รู้จะมีแบ็กซ้ายดีๆ อย่าง ธีราทร บุญมาทัน หรือเปล่า แต่ตอนนี้มีทั้งธีราทรและมิคเคลสันที่พร้อมมากและไม่ด้อยกว่าประเทศใดๆ

ส่วนกลางอาจเป็นปัญหาใหญ่ ที่ต้องปรับแทคติคเพราะมีคนโดดเด่นจริงๆ อาจจะยังไม่มีเลย มองกองกลางแล้วเรายังมีสารัชที่เป็นแกนกลางสำคัญ แถม กฤษฎา ที่เราเห็นว่าเล่นได้และเหมาะกับการเล่นกองกลางหรือยังมีอีกหลายคนที่พร้อมเป็นตัวเลือก

รวมถึงยังคิดถึงชนาธิป ศุภณัฐ เหมือนตา รวมถึงเอกนิษฐ์ ปัญญา และศุภโชคด้วย ถ้าเราพูดตรงๆ ถ้าเรามีตัวละครครบ เราก็จะไม่ด้อยกว่าชาติอื่นเลย เพราะทุกตำแหน่งเอื้ออำนวยและบวกกับปัจจัยแรกด้วยการเพิ่มทีม จึงทำให้เราดูรายชื่อนักเตะและมีโอกาส ต่อหน้า ธีรศิลป์ แดงดา ในวัย 35 ปี ถ้ายุคนั้นหมดไปไม่รู้จะมีใครมาแทนหรือเปล่า แม้ว่าหลายคนมองว่าศุภชัยและศุภณัฐมาเล่นตำแหน่งนี้ก็ตาม แต่เรามีกองหน้าระดับหนึ่ง กองหน้าอย่างพี่มุ้ยอยู่ตรงนั้น ดีกว่า และผมคิดว่าเหมาะสม ถ้าเราเล่นกับอิรักแบบนั้นได้ ประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางก็จะทำได้เช่นกัน

แต่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมคือฝ่ายบริหารและการเตรียมทีม อย่างที่บอกไปว่าถ้าอยากไปบอลโลกนอกจากจะต้องแย่งพื้นที่โควต้าที่เพิ่มเป็น 8 ทีมในโซนเอเชียแล้วเราจะต้องจัดการทุกเรื่อง ทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนอกสนาม ในสนาม แทคติก การบริหารจัดการให้สมบูรณ์แบบและพร้อมที่สุดโดยเฉพาะนักเตะ เพราะพูดตามตรงในรอบหลายปีกับกฎใหม่ที่เพิ่มทีมด้วยเช่นกัน เป็นการเปิดโอกาสให้ได้แข่งขันในฟุตบอลโลก ยุคนี้ดูใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุดและมีโอกาสมากที่สุด ถึงแม้หลายคนจะมองว่ายังไม่พร้อมแต่สำหรับผมถ้าอยากไปบอลโลกรอบคัดเลือกครั้งนี้ต้องไปเพราะองค์ประกอบโดยรวมเท่านั้น เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ถ้าไม่ใช่ปีนี้รออีก 4 ปี ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าทีมชาติไทยของเราจะดิ่งลงเหวหรือไต่สูงไป

ดังนั้น ณ ปัจจุบันอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเป็นธาตุที่พร้อมที่สุด ไม่ว่าจะเป็น มโน อิชิอิ หรือใครก็ตาม คราวนี้ใกล้เคียงที่สุดและมีโอกาสมากที่สุดถ้าทุกอย่างพร้อม วิธีที่ควรจะเป็นผมคิดว่าเราสามารถสู้กับทีมใดก็ได้